ย้ำ! บุหรี่ไฟฟ้า ผู้ซื้อ-ผู้ขายมีความผิดทางกฎหมายทั้งคู่

แถลงข่าวการจับกุมบุหรี่ไฟฟ้าล็อตใหญ่ ครั้งนี้โดย นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค พร้อมด้วยพลตำรวจตรี ประสิทธิ์ เฉลิมวุฒิศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค และพลตำรวจตรี ญาณพงศ์ โสมาภา ผบก.สท. หัวหน้าชุดปกิบัติการพิเศษ ร่วมกันแถลงถึงปฏิบัติการพิเศษ นำกำลังกว่า 50 นาย ลงพื้นที่จับกุมผู้ลักลอบจำหน่ายสินค้าผิดกฎหมาย ณ ย่านคลองถมเซ็นเตอร์

จากการเข้าตรวจ 15 ร้าน พบผู้ต้องหาคนไทย 7 คน คนต่างด้าว 3 คน และพบของกลางจำนวนมาก อาทิ บุหรีไฟฟ้า 566 ตัว น้ำยาสำหรับเติมบุหรี่ไฟฟ้า 5,158 ขวด อุปกรณ์ 1,362 ชิ้น หัวบุหรี่ไฟฟ้า 402 หัว ,กล่องพัสดุพร้อมส่ง รวมมูลค่าของกลางกว่า 12 บ้านบาท

จึงนำต้วผู้ต้องหาพร้อมของกลางมอบให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีในฐานะเป็นผู้ขาย หรือเสนอหรือชักชวนให้มีการขาย

ซึ่งสินค้าบุหรี่ไฟฟ้า หรือน้ำยาสำหรับเติมบุหรี่ไฟฟ้า อันเป็นการฝ่าฝืนคำสั่งคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค ที่ 9/2558 ต้องระวางโทษจำคุกไม่เกิน 3 ปี หรือปรับไม่เกิน 600,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และดำเนินคดีตามกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องต่อไป

รูปแบบ และกลิ่นของน้ำยาเติมบุหรี่ไฟฟ้าที่สามารถจับกุมได้ตอนนี้ มีการนำรสใหม่เข้ามาแอบวางขายให้กับผู้ซื้อเป็นกลิ่นกัญชา และรูปแบบของตัวบุหรี่ไฟฟ้าก็เปลี่ยนแปลงไปด้วยจากเดิมลักษณะเป็นแท่งสี่เหลี่ยม

ตอนนี้ทำให้รูปลักษณ์ภายนอกเหมือนเกมกด ซึ่งหากถอดหัวบุหรี่ไฟฟ้าออกก็สามารถนำมาเล่นเกมได้

โดยนายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้กล่าวย้ำในช่วงท้ายของการแถลงข่าวไปถึงผู้ปกครองช่วยให้ความเข้มงวด หรือห้ามปราบไม่ให้เยาวชน หรือบุตรหลานของตน เข้ามายุ่งเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้า เพราะบุหรี่ไฟฟ้านอกจากผู้จำหน่ายจะมีความผิดทางกฎหมายแล้ว ผู้ซื้อก็มีความผิดไปด้วยเช่นกัน

ข้อเสียของการใช้บุหรี่ไฟฟ้าคือ ส่วนประกอบหลังของบุหรี่ไฟฟ้ายังคงเป็นนิโคตินเช่นเดียวกับบุหรี่จริง นิโคตินจึงส่งผลเสียต่อร่างกายเได้เช่นเดียวกัน แตกต่างเพียงแค่ผู้สูบบุหรี่ไฟฟ้า สามารถกำหนดขนาดนิโคตินในบุหรี่ไฟฟ้าได้เอง

แต่ถึงอย่างนั้นก็อาจทำให้ผู้สูบได้รับนิโคตินมากเกินความจำเป็นจนทำให้เกิดอาการมึนงง หัวใจเต้นเร็ว เส้นเลือกในสมองแตก ที่สำคัญในน้ำยาของบุหรี่ไฟฟ้ายังมีโลหะหนักผสมอยู่ด้วย

งานวิจัยล่าสุดพบว่า การสูบบุหรี่ไฟฟ้าทำให้เสี่ยงต่ออการเกิดโรคเส้นเลือดสมองตีบสูงขึ้น 71 % โรคหัวใจวายเฉียบพลันสูงชึ้น 59% และกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดสูงขึ้น 40 % อีกด้วย

ขอบคุณข่าวจาก https://news.mthai.com/general-news/766338.html?utm_source=home-mthai&utm_campaign=home-news&utm_medium=news-box-7