"หลายๆ คนคงเคยได้ยินเรื่องมิจฉาชีพในคราบผู้โดยสารในเที่ยวบินต่างๆ หลายรูปแบบ ขออนุญาตแชร์เรื่องราวที่ได้เกิดขึ้นในขณะที่กิ๊งกำลังปฏิบัติหน้าที่เป็นลูกเรือ เราได้รับข้อมูลให้มอนิเตอร์ผู้โดยสาร 3 ท่านบนไฟลท์นี้ หนึ่งในผู้โดยสารนั้นอยู่ในโซนที่เราให้บริการ 1 ท่าน
หลังจากได้มอนิเตอร์ตั้งแต่บอร์ดดิ้งผู้โดยสารคนหนึ่ง พบว่าผู้โดยสารจะขึ้นเครื่องมาเร็วกว่าคนอื่นๆ นั่งที่เร็ว สายตาจะสอดส่องไปทั่วๆ และสังเกตผู้โดยสารรอบๆ ตัว "ตลอดเวลา" โดยสามารถจับสังเกตได้ตั้งแต่ช่วงแรกๆ ที่ผู้โดยสารขึ้นมาบนเครื่อง แววตาจะล่อกแล่ก ชะเง้อดูผู้โดยสารคนอื่นๆ เป็นบางครั้งบางคราว ทำเสมือนว่าดูคิวห้องน้ำบ้าง แต่บังเอิญไปเห็นสายตาที่ผู้โดยสารคนนี้จับตามองของมีค่าที่ผู้โดยสารคนอื่นถือไว้กับมือระหว่างที่ขึ้นเครื่อง ไม่ว่าจะเป็นสายตาพิจารณาโทรศัพท์สมาร์ทโฟน กระเป๋าสตางค์ หรือกระเป๋าเป้
ทั้งนี้บนเที่ยวบินนี้ ผู้โดยสารชาติเองจะมีความกันเองต่อชาติเดียวกัน จะไม่ค่อยเกิดเหตุการณ์ขโมยกันระหว่างคนชาติเดียวกันเอง คนก็จะไม่ค่อยระแวดระวังกันเท่าไรนัก
ระหว่างการบิน 6 ชั่วโมง ผู้โดยสารชาวจีนคนนี้ไม่นอน เปิดหน้าจอไปเสมือนจะเลือกภาพยนตร์ดู เป็นภาษาจีน แต่แช่อยู่ที่หน้านั้นตลอดทั้งไฟล์ท ชะเง้อออกมาตรงทางเดินตลอดเวลาอย่างมีพิรุธ ในขณะที่ผู้โดยสารคนอื่นหลับอยู่ ก็เริ่มลุกขึ้นและเปิดที่เก็บสัมภาระเหนือศีรษะทั้งฝั่งตนเองและฝั่งตรงข้ามถึง 2 ครั้ง แล้วหยิบเป้ใบหนึ่งสีเทาดำออกมา เพื่อหยิบของจากเป้ ก่อนเก็บไว้ที่ใต้ที่นั่งด้านหน้าของตนสักพัก แล้วลุกไปเก็บกระเป๋าเป้ไว้ที่เดิม
ระหว่างนั้นก็สังเกตผู้โดยสารจีนคนนั้น ขณะที่เดินไปที่ห้องน้ำ ผู้โดยสารจีนจากอีกโซนที่ถูกให้มอนิเตอร์มาเข้าห้องน้ำพอดี ลูกเรือจึงยืนอยู่บริเวณห้องน้ำทั้งสองฝั่ง เพื่อตรวจสอบว่า 2 คนนี้มาเพื่อพบกันหรือไม่ พอเห็นว่าลูกเรือมาตรงห้องน้ำ เขาก็เปลี่ยนใจไม่เข้าห้องน้ำ
หลังจากเครื่องลง ลูกเรือพบเจ้าของกระเป๋าเป้เทาดำคือผู้โดยสารชาวสหรัฐอาหรับฯ จึงพูดคุยกับผู้โดยสารให้รีบตรวจสอบว่ามีสิ่งของหายไปหรือไม่ เมื่อผู้โดยสารเปิดกระเป๋าเป้ให้ดู ข้างในมีขนมจุกจิกเต็มไปหมด สรุปคือกระเป๋าเป้ที่คนจีนเลือกเป็นกระเป๋าใส่เสบียง ผู้โดยสารบอกว่าเขาไม่ได้เก็บของมีค่าไว้ในนี้เลย
สำหรับกรณีนี้ลูกเรือไม่สามารถประชิดตัวเพื่อจับขโมยได้ก่อนหน้านี้ เป็นเพราะอาจจะถูกฟ้องข้อหาหมิ่นประมาท เพราะมีช่องโหว่มากมาย เช่น การอ้างว่ามืด มองไม่เห็น เข้าใจว่าเป็นเป้ของตน ทำไมถึงมากล่าวหากัน และเป็นความรู้ใหม่ด้วยว่า ทางลูกเรือไม่สามารถแจ้งความอะไรได้ หากไม่มีเจ้าทุกข์ บางครั้งเกิดเคสแบบนี้แต่เจ้าทุกข์ไม่เอาเรื่อง ก็คือจะไม่มีคดี ทำได้แค่เพียงนำชื่อมาอยู่ในลิสต์เท่านั้น
“เคสคนจีนขโมยของบนไฟลท์จากดูไบ เพิ่งเกิดเหตุในชั้นธุรกิจและประหยัดเมื่อสัปดาห์ก่อน จริงๆ เคสคนจีนตอนนี้ขึ้นชื่อมากๆ ในทุกสายการบิน ขึ้นอยู่กับว่าจะสำเร็จหรือจับได้ ความเนียนของคนจีนมีหลายระดับ ตั้งแต่พิรุธมาก ยันเนียนจับไม่ได้”
ทั้งนี้ ต้องการเตือนนักเดินทางทุกคนให้เก็บของมีค่าไว้กับตัวและมีสติเสมอ ไม่ว่าจะเดินทางไฟล์ทไหน คลาสอะไร สายการบินใดก็ตาม เพราะคนเหล่านี้จะเนียนมาก ไม่ทำงานคนเดียว และไม่เดินทางชั้นเดียวด้วย ชั้นธุรกิจก็มี คนเหล่านี้ตีตั๋วขึ้นมาเพื่อมาขโมยของ และตีตั๋วกลับในวันถัดๆ มาเพื่อขโมยของ และแน่นอนว่ามิจฉาชีพ ไม่ได้แปลว่าจะต้องเป็นคนจีนเสมอไป จะเป็นใครชาติไหนก็ได้ จึงอยากให้ระวังจริงๆ ลูกเรือช่วยดูอยู่แล้วในระดับหนึ่ง แต่ไม่สามารถจ้องผู้โดยสารทุกท่านได้ทุกวินาที
“ท่านอาจจะต้องพิจารณาด้วยว่าไฟลท์ที่จองนั้นเป็นกลางวันหรือกลางคืน สังเกตรอบๆ ตัวให้ดีตลอดเวลา ของมีค่าไว้กับตัว อย่าโหลดใต้เครื่อง และอย่าไว้นอกสายตา แต่ตัวกระเป๋าถือต่างๆ ต้องเก็บไว้ในช่องเก็บเหนือศีรษะหรือใต้ที่นั่งด้านหน้าเท่านั้น”