กินเจ 28 กันยายน ถึง 7 ตุลาคม เตือนปนเปื้อนเนื้อสัตว์โดนโทษหนัก

นพ.สุขุม กล่าวว่า ช่วงเทศกาลถือศีลกินเจของทุกปีประชาชนจะรักษาศีล ปฏิบัติธรรม งดเว้นการบริโภคเนื้อสัตว์ และรับประทานผักผลไม้ โดยเชื่อว่าเป็นการชำระจิตใจให้บริสุทธิ์ สธ.จึงได้บูรณาการการทำงาน สร้างความมั่นใจให้แก่ผู้บริโภคในการกินเจอย่างปลอดภัยและดีต่อสุขภาพ ไม่มีการปลอมปนเนื้อสัตว์ รวมทั้งเฝ้าระวังเรื่องหลักโภชนาการด้วย

นพ.สมฤกษ์ กล่าวว่า จากการเฝ้าระวังการปนเปื้อนอาหารในช่วงเทศกาลกินเจตั้งแต่ปี 2556 ถึงปัจจุบันพบมีการปนเปื้อนน้อยลง โดยพบอาหารเลียนแบบเนื้อสัตว์ตรวจพบ DNA ของสัตว์ปนเปื้อน จากเดิมร้อยละ 50 เหลือร้อยละ 8.3 ผักดองพบวัตถุกันเสียกรดเบนโซอิคเกินมาตรฐานที่กำหนดร้อยละ 53.3 อาหารประเภทเส้นพบวัตถุกันเสียกรดซอร์บิคและสีสังเคราะห์ร้อยละ 31.3 และพบสีอินทรีย์สังเคราะห์ในเส้นหมี่ซั่วร้อยละ 38.5 ซึ่งไม่อนุญาตให้ใช้กรดซอร์บิคและสีสังเคราะห์ในอาหารประเภทเส้น อย่างไรก็ตาม กรดเบนโซอิคและกรดซอร์บิคหากรับเข้าไปมากจะเกิดอาการผื่นแพ้ คลื่นไส้และถ่ายท้อง

นพ.ธเรศ กล่าวว่า อย.จะร่วมกับกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ตรวจเฝ้าระวังผลิตภัณฑ์หากพบการกระทำผิดมีการปนเปื้อนไม่ถูกหลักอนามัยจะมีโทษตาม พ.ร.บ.อาหาร คือ ปรับไม่เกิน 20,000 บาท แต่หากพบ DNA ของเนื้อสัตว์ปนเปื้อน ในอาหารเจจะมีโทษหนักทั้งจำและปรับ โดยอัตราปรับสูงสุด 100,000 บาท

นพ.สุวรรณชัย กล่าวว่า โรคที่ต้องเฝ้าระวัง ได้แก่อาหารเป็นพิษ เพราะปีนี้พบผู้ป่วยกว่า 76,000 ราย และเสียชีวิต 1 ราย

นพ.มรุต กล่าวว่า ในช่วงกินเจขอแนะนำสมุนไพร 3 กลุ่ม คือ 1.พืชสมุนไพรที่กินง่ายช่วยให้อยู่ท้อง เช่น กล้วยน้ำว้า ธัญพืช 2.พืชสมุนไพรที่ช่วยเรื่องการเผาผลาญ เช่น ขิง และ 3.พืชสมุนไพรช่วยป้องกันความดันเบาหวาน เช่น น้ำกระเจี๊ยบ น้ำดอกคำฝอย เป็นต้น.