และอย่างที่ทราบกันว่า หลัก ๆ แล้ว เชื้อเอชไอวีติดต่อได้จากการมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งการสวมถุงยางอนามัย และไม่ใช้เข็มฉีดยาร่วมกับผู้อื่นจะช่วยป้องกันการติดเชื้อได้ แต่สำหรับกลุ่มที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อเอชไอวี นอกจากการสวมถุงอนามัยเพื่อป้องกันการติดเชื้อ ปัจจุบันยังมียาต้านไวรัสที่จะช่วยลดความเสี่ยงได้ทั้งก่อนและหลังสัมผัสเชื้อ อย่างที่เราเรียกว่า ยาเพร็พ (PrEP) และยาเป๊ป (PEP) ลองไปรู้จักประสิทธิภาพของยาทั้งสองชนิดกันค่ะ
* ยาเพร็พ (PrEP) กินก่อนป้องกันติดเชื้อ !
เพร็พ (PrEP) คืออะไร ?
PrEP ย่อมาจาก Pre-Exposure Prophylaxis คือการให้ยาต้านไวรัสก่อนมีการสัมผัสเชื้อเอชไอวี ซึ่งก็คือให้คนที่ยังไม่ได้รับเชื้อกินยาไว้ เพื่อป้องกันและลดความเสี่ยงการติดเชื้อนั่นเอง ประกอบด้วยตัวยา 2 ชนิดคือ Tenofovir (TDF) และ Emtricitabine (FTC)
ใครควรกินยาเพร็พ (PrEP) ?
- คนที่่เปลี่ยนคู่นอนบ่อย มีคู่นอนหลายคน
- กลุ่มชายรักชาย
- ผู้ที่ทำงานบริการทางเพศ
- ผู้ใช้สารเสพติดชนิดฉีด
ทั้งนี้ ยาเพร็พถือว่ามีประโยชน์กับกลุ่มเสี่ยงดังกล่าว เช่น หากเกิดกรณีเมาแล้วลืมสวมถุงยางอนามัย หรือถุงยางอนามัยเกิดฉีกขาดขณะมีเพศสัมพันธ์ ก็ยังมีตัวยาเพร็พคอยป้องกันเชื้อเอชไอวีไว้อีกขั้น
อย่างไรก็ตาม ก่อนจะกินยาเพร็พ แพทย์จะต้องตรวจเลือดให้แน่ใจก่อนนะคะว่ายังไม่ได้ติดเชื้อมา โดยหากผลเลือดเป็นลบก็จะกิน PrEP ได้ พร้อมกันนี้ก็ยังต้องตรวจหาเชื้อไวรัสตับอักเสบบี และตรวจการทำงานของไตด้วยว่าเป็นปกติหรือไม่
ยาเพร็พ (PrEP) กินอย่างไร ป้องกัน HIV ได้จริงหรือ ?
นอกจากนั้น ผู้ที่กินยาเพร็พยังต้องหมั่นตรวจเลือดเพื่อดูการติดเชื้อหรือดื้อยาด้วย เพราะหากดื้อยาและพบว่าติดเชื้อ HIV แล้ว จะต้องหยุดกินยาเพร็พทันที และให้การรักษาด้วยยาเป๊ปแทน
ต้องกินยาเพร็พไปตลอดชีวิตหรือไม่ ?
หลายคนอาจมีคำถามว่า แล้วแบบนี้เราต้องกินยาเพร็พไปตลอดชีวิตเลยหรือไม่ จึงจะป้องกันการติดเชื้อ HIV ได้...คำตอบก็คือ ไม่จำเป็นค่ะ เราจะกินยานี้เฉพาะในช่วงที่มีพฤติกรรมเสี่ยง หรือช่วงเวลาที่ยังมีเพศสัมพันธ์อยู่เท่านั้น แต่หากแน่ใจว่าไม่มีพฤติกรรมเสี่ยงก็เลิกกินได้ แต่ก็ควรไปตรวจหาการติดเชื้อทุก 3 เดือน
และต้องบอกอีกว่า การกินยาต้านไวรัสก่อนติดเชื้อเป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ช่วยป้องกันเอชไอวี แต่เพื่อประสิทธิภาพในการป้องกันสูงสุดควรใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์ ซึ่งจะช่วยป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ เช่น โรคหนองใน โรคซิฟิลิส โรคแผลริมอ่อน โรคเริม โรคหูดหงอนไก่ ได้ด้วย
ยาเพร็พ ผลข้างเคียงมีไหม ?
นอกจากนี้ ในบางคนที่กินยาติดต่อกันเป็นประจำก็อาจส่งผลต่อการทำงานของไตได้เช่นกัน ดังนั้น ผู้ที่กินยานี้ควรเช็กการทำงานของไตทุก 3-4 เดือน และควรตรวจความสมบูรณ์ของมวลกระดูกอย่างสม่ำเสมอ เพราะยา Tenofovir (TDF) อาจมีผลต่อกระดูกหากกินเป็นระยะเวลานาน
ทั้งนี้ หากผู้เสี่ยงติดเชื้อกำลังตั้งครรภ์หรือในนมบุตรอยู่ ไม่ควรใช้ยาเพร็พเด็ดขาด
* ยาเป๊ป (PEP) ยาต้านไวรัส HIV แบบฉุกเฉิน !
ยาเป๊ป (PEP) คืออะไร แตกต่างจากยาเพร็พ (PrEP) ตรงไหน ?
ยาเป๊ป (PEP) ก็คือ Post-Exposure Prophylaxis เป็นยาต้านไวรัส HIV หลังผ่านการสัมผัสเชื้อมาแล้ว จึงเรียกกันว่า เป็นยาต้านไวรัส HIV แบบฉุกเฉิน ในสูตรยาจะประกอบไปด้วยยาต้านไวรัสประมาณ 3 ชนิด
ทั้งนี้ ผู้ที่จะกินยาเป๊ป (PEP) ต้องเป็นผู้ที่มีความเสี่ยงว่าจะติดเชื้อ เช่น คนที่มีเพศสัมพันธ์แบบไม่ได้ป้องกัน ใช้ถุงยางแล้วเกิดฉีกขาด มีเพศสัมพันธ์กับผู้ใช้สารเสพติด ถูกล่วงละเมิดทางเพศมา ใช้เข็มร่วมกับผู้อื่น หรือได้รับอุบัติเหตุจากการถูกเข็มฉีดยาตำมา หากใครมีปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวจำเป็นต้องกินนยาเป๊ป (PEP) เพื่อป้องกันการติดเชื้อให้เร็วที่สุดภายใน 72 ชั่วโมง
ยาเป๊ป (PEP) ต้องกินนานแค่ไหน ?
เมื่อกินยาเม็ดแรกไปแล้วภายใน 72 ชั่วโมงหลังผ่านความเสี่ยงการติดเชื้อ ก็ยังต้องกินยาเป๊ปต่อเนื่องไปอีกเป็นเวลา 1 เดือน ซึ่งเมื่อเริ่มยา แพทย์จะตรวจหาเชื้อเอชไอวีก่อน และให้มาตรวจหาเชื้ออีกครั้งหลังผ่านไป 3 เดือน และ 6 เดือน
ยาเป๊ป (PEP) ได้ผลแค่ไหน ป้องกันเอชไอวีได้จริงหรือ ?
ยาเป๊ป (PEP) มีผลข้างเคียงไหม ?
อาจเกิดผลข้างเคียงได้บ้างเหมือนกับยาเพร็พ (PrEP) เลยค่ะ เช่น มีอาการท้องเสีย เวียนศีรษะ คลื่นไส้ ปวดหัว มีผื่นขึ้น แต่หากเป็นไม่มาก อาการเหล่านี้จะหายไปได้เอง
จะไปขอรับยาเพร็พ-ยาเป๊ปได้ที่ไหน ?
นอกจากนี้ยังสามารถติดต่อขอรับยาหรือขอคำปรึกษาได้ที่เว็บไซต์ lovecarestation.com ซึ่งได้รับการสนับสนุนจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ค่ะ
การลดความเสี่ยงติดเชื้อ HIV คงไม่ใช่แค่กินยาป้องกันแล้วจบ แต่เราต้องลดพฤติกรรมเสี่ยงทางเพศ อย่าปล่อยให้ความสนุกเพียงชั่วครั้งชั่วคราวทำลายเราไปทั้งชีวิตเลยนะคะ และถ้าใครรู้ตัวว่ามีความเสี่ยงสูงก็ควรหมั่นตรวจเลือดเพื่อหาเชื้อ HIV เป็นประจำ เพราะหากรู้ตัวเร็วเท่าไร ก็มีโอกาสต้านเชื้อ HIV ได้เร็วเท่านั้น