การลงทะเบียนร่วมโครงการชิมช้อปใช้ของรัฐบาลยังเป็นไปอย่างคึกคัก โดยวันนี้เป็นวันที่ 6 ของการเปิดรับลงทะเบียน ผลปรากฎว่า มีผู้เข้ามาลงทะเบียนนับตั้งแต่การเปิดรับ จากนั้นยอดลงทะเบียนได้ครบเต็มจำนวน 1 ล้านคนเมื่อเวลา 2.53 น.
อย่างไรก็ดี จากผลการลงทะเบียนในช่วง 5 วันแรกที่ผ่านมา แม้จะมียอดลงทะเบียนเต็ม 1 ล้านคนในทุกวัน แต่ยอดที่ได้รับสิทธิ์ตามเงื่อนไขนั้น ไม่เต็มจำนวนดังกล่าว โดยเฉลี่ยมียอดที่คุณสมบัติไม่ครบ ราว 2-3 แสนคน
โดยสาเหตุหลัก คือ การยืนยันตัวตนหรือการกรอก OTP เกินกว่าระยะเวลาที่กำหนด 3 นาที มีข้อมูลไม่ตรงกับฐานข้อมูลของกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย ซึ่งส่วนหนึ่งมีสาเหตุมาจากการกรอกข้อมูลผิดพลาด เช่น การใส่คำนำหน้าชื่อ ไม่ว่าจะเป็น นาย นาง หรือนางสาวลงในช่องที่จะต้องกรอกชื่อ ซึ่งในความจริงแล้วไม่ต้องกรอกคำนำหน้าชื่อ หรือความสับสนระหว่างหมายเลขศูนย์กับตัวอักษร O (โอ) ในส่วนของรหัสที่อยู่ด้านหลังบัตรประชาชน เป็นต้น และ ไม่ผ่านเกณฑ์เนื่องจากเลือกจังหวัดที่ต้องการไปใช้สิทธิ์ตรงกับจังหวัดที่เป็นทะเบียนบ้านของตน เป็นต้น
ทั้งนี้ ในรายที่ลงทะเบียนเสร็จสมบูรณ์ จะได้รับ SMS ภายใน 3 วันและสามารถเริ่มใช้สิทธิ์ได้ทันที ส่วนที่ลงทะเบียนไม่สมบูรณ์ สามารถเข้าลงทะเบียนใหม่ในวันถัดไปได้ จนถึงวันที่ 15 พ.ย.นี้หรือจนกว่าจะเต็มโควตา 10 ล้านคน ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังยืนยันว่าจะไม่เพิ่มสิทธิ์จาก 10 ล้านคนแล้ว
นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า คนที่ยืนยันตัวตนไม่ผ่านอาจเป็นผลมาจากใบหน้าในปัจจุบันไม่เหมือนกับบัตรประชาชน หน้าตาเปลี่ยนไป ก็ได้ให้ไปดำเนินการยืนยันตัวตนผ่านสาขาของธนาคารกรุงไทย ในส่วนร้านค้าที่ทำผิดเงื่อนไข เช่น เปิดให้มีการนำสิทธิ์มาแลกเป็นเงินสด ในส่วนของธนาคารมีระบบ AI ในการตรวจสอบอยู่ตลอดเวลา โดยหากพบว่ามีการทำผิดเงื่อนไขจะมีการปิดสิทธิ์ในแอพพลิเคชั่นถุงเงินทันที ส่วนกระบวนการเอาผิดทางกฎหมาย กระทรวงการคลัง สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) และกรมบัญชีกลางจะดำเนินการอย่างถึงที่สุด
นายลวรณ แสงสนิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า การแฝงขายลอตเตอรี่ผ่านร้านค้าอื่น เช่น ร้านอาหาร ในทางปฏิบัติคงตรวจสอบได้ยาก แต่กระทรวงการคลังจะส่งเจ้าหน้าที่เข้าไปติดตามว่าร้านค้าดำเนินกิจการตามที่แจ้งไว้ในระบบหรือไม่ หากมีการขายลอตเตอรี่ในขั้นแรกก็จะขอความร่วมมือให้งดขายก่อน หากยังฝ่าฝืนก็อาจจะต้องมีการตัดสิทธิ์ต่อไป