อันตรายจากการดื่มน้ำมากเกินไป
แน่นอนว่าอะไรที่มากเกินไปมักส่งผลเสียอยู่แล้ว มีรายงานพบผู้ป่วยโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบที่ตรวจพบอาหารน้ำเป็นพิษ หลังจากพยายามดื่มน้ำในปริมาณมากเกินไปภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง เพื่อบรรเทาอาการของโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ (ที่ทำให้เกิดอาการปัสสาวะแสบขัด) ทำให้มีอาการชักกระตุก พูดจาสับสน อาเจียน และเสียชีวิตจากภาวะโซเดียมในร่างกายต่ำเกินไป
นอกจากนี้ยังพบว่า การดื่มน้ำคราวละมากๆ จะเป็นการสร้างภาระให้กับไตที่พยายามจะน้ำส่วนที่เกินความจำเป็นต่อร่างกายออก ไตจะทำงานหนักมากขึ้น เพราะต้องทำเวลาในการขับน้ำส่วนเกินออกจากร่างกาย เพื่อรีบรักษาสมดุลภายในร่างกายในเวลาอันจำกัด ดังนั้นหากมีปัญหาเกี่ยวกับไตเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จะยิ่งเป็นอันตรายต่อร่างกายมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม หากคุณเป็นคนที่มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงดี 100% อาจจะพบภาวะอันตรายจากการดื่มน้ำมากเกินไปได้น้อยกว่าคนที่มีปัญหาทางสุขภาพอยู่แล้ว เพียงแต่หากยังมีพฤติกรรมดื่มน้ำครั้งละมากๆ อยู่เรื่อยๆ ก็อาจเสี่ยงเป็นอันตรายต่อร่างกายได้เช่นกัน
ดื่มน้ำอย่างไร ถึงจะเพียงพอต่อร่างกาย ไม่มาก ไม่น้อยเกินไป
ที่กล่าวกันว่า เราควรดื่มน้ำให้ได้วันละ 8 แก้ว เป็นการคาดคะแนคร่าวๆ สำหรับทุกเพศทุกวัย แต่อันที่จริงแล้ว ปริมาณน้ำที่เราควรดื่มในแต่ละคนไม่เท่ากัน เพราะขึ้นอยู่กับรูปร่าง น้ำหนัก สุขภาพโดยรวม และกิจกรรมที่เราทำในแต่ละวันด้วย
ดังนั้นวิธีสังเกตว่าเรากำลังดื่มน้ำเพียงพอต่อความต้องการของร่างกายในแต่ละวันหรือไม่ ให้สังเกตที่ “สีของปัสสาวะ” หากสีของปัสสาวะเป็นสีเหลืองเข้มออกส้ม คุณควรดื่มน้ำให้มากขึ้น หากสีของปัสสาวะเป็นสีเหลืองอ่อนเกือบใส นั่นแปลว่าคุณกำลังดื่มน้ำอย่างเพียงพอแล้ว กลิ่นของปัสสาวะก็สำคัญ หากปัสสาวะมีกลิ่นฉุนจัดจนเกินไป อาจแสดงว่าคุณกำลังดื่มน้ำน้อยเกินไปด้วย
นอกจากนี้ จำนวนครั้งในการปัสสาวะในแต่ละวันก็สำคัญด้วยเช่นกัน ตามปกติแล้วเราควรปัสสาวะทุกๆ 3-4 ชั่วโมง หากใน 1 วันเราปัสสาวะน้อยกว่า 3-4 ครั้ง แสดงว่าคุณกำลังดื่มน้ำน้อยเกินไป ซึ่งส่งผลอันตรายต่อกระเพาะปัสสาวะ และส่วนอื่นๆ ของร่างกายได้