ได้รับความสนใจอย่างมากสำหรับโครงการ "คลินิกแก้หนี้" ที่ธนาคารแห่งประเทศไทย ร่วมกับสมาคมธนาคารไทย สมาคมธนาคารนานาชาติ สถาบันการเงิน และบริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท หรือ SAM จัดทำเพื่อช่วยแก้ปัญหาหนี้สินให้ประชาชนอย่างเป็นระบบ โดยเฉพาะลูกหนี้ที่มีเจ้าหนี้หลายราย ให้มีความสามารถในการชำระหนี้ได้มากขึ้น ไม่กลายเป็นหนี้เสียค้างชำระ
ทั้งนี้ ล่าสุดในปี 2562 ก็ได้มีการเดินหน้าโครงการคลินิกแก้หนี้ ระยะที่ 2 แล้ว โดยปรับเงื่อนไขบางอย่างให้ครอบคลุมลูกหนี้มากขึ้น กระปุกดอทคอม จึงนำข้อมูลและรายละเอียดมาแจกแจงให้ทราบกัน และจะได้ตรวจสอบด้วยว่าเรามีสิทธิ์เข้าโครงการนี้ด้วยหรือไม่
คลินิกแก้หนี้ คืออะไร เริ่มเมื่อไร
คลินิกแก้หนี้ หรือ "โครงการแก้ไขปัญหาหนี้ส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน" เป็นนโยบายของภาครัฐที่มีขึ้นเพื่อช่วยเหลือประชาชนรายย่อยที่มีหนี้ค้างชำระอยู่กับธนาคารพาณิชย์หลายแห่งให้มีโอกาสปลดหนี้ โดยมีบริษัทบริหารสินทรัพย์สุขุมวิท (บสส.) หรือ SAM เป็นตัวกลางในการปรับโครงสร้างหนี้ ระหว่างเจ้าหนี้กับลูกหนี้ ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาหนี้สินกับธนาคารพาณิชย์ทั้งหลายให้ได้ข้อยุติในคราวเดียว เหมือนกับ One Stop Service ที่ลูกหนี้แค่มาเจรจาที่คลินิกแก้หนี้ที่เดียวก็เหมือนกับได้ติดต่อกับเจ้าหนี้ทุกราย เรียกได้ว่า "หนี้บัตรทบ จบที่เดียว"
โครงการเริ่มต้นระยะแรกตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน 2560 ปัจจุบันมีจำนวนคนเข้าร่วมแล้ว 44,600 ราย และดำเนินการเรื่อยมาถึงระยะที่ 2 แล้ว โดยปรับปรุงเกณฑ์พิจารณาการชำระหนี้ให้ยืดหยุ่น ง่าย สอดคล้องกับสถานะลูกหนี้แต่ละรายมากขึ้น ที่สำคัญได้ขยายให้ครอบคลุมทั้งหนี้ของธนาคารพาณิชย์และกลุ่มผู้ประกอบการ non-bank อีกด้วย ซึ่งลูกหนี้ของ non-bank จะสามารถสมัครได้ตั้งแต่วันที่ 15 พฤษภาคม 2562
สำหรับการช่วยเหลือ จะเน้นกลุ่มลูกหนี้บัตรเครดิตและสินเชื่อส่วนบุคคลที่มีหนี้กับธนาคารก่อน เพราะพบว่ากลุ่มนี้มีแนวโน้มหนี้เพิ่มขึ้น ให้ลูกหนี้จะผ่อนชำระเงินต้นพร้อมดอกเบี้ย ซึ่งปรับอัตราดอกเบี้ยลงจากเดิมที่เคยจ่ายประมาณ 20-25% จะเหลือเพียง 4-7% ตามช่วงรายได้ ทำให้ผ่อนต่อเดือน 500-1,000 บาทเท่านั้น
สินเชื่อประเภทไหนบ้างที่เข้าร่วมโครงการได้
- ต้องเป็นหนี้ส่วนบุคคล เช่น หนี้บัตรเครดิต บัตรกดเงินสด และสินเชื่อส่วนบุคคลที่ไม่มีหลักประกัน กับธนาคาร หรือ non-bank ที่ร่วมโครงการ โดยตั้งแต่วันที่ 15 ตุลาคม 2562 เป็นต้นไป แค่มีหนี้เสียกับเจ้าหนี้เพียง 1 ราย ก็สามารถเข้าร่วมโครงการได้แล้ว
- ต้องเป็นหนี้ที่ไม่ได้ชำระหรือไม่ได้ชำระขั้นต่ำเป็นระยะเวลาติดต่อกันมากกว่า 90 วัน และเป็นหนี้เสียก่อนวันที่ 1 มกราคม 2562
- มียอดหนี้เงินต้นค้างชำระรวมไม่เกิน 2 ล้านบาท โดยสามารถนำยอดหนี้บัตรเครดิตเฉพาะบัตรที่เป็นหนี้เสียทุกใบมาเข้าร่วมโครงการได้
- หนี้นอกระบบจะไม่สามารถเข้าร่วมโครงการนี้ได้