1.อย่าดึง แกะ หรือเลียริมฝีปาก
ในคนที่เกิดอาการแพ้ลิปสติก จนทำให้ปากแห้ง ผิวหลุดลอกเป็นขุย ต้องระมัดระวังอย่าแกะ ดึง หรือเลียริมฝีปากเป็นอันขาด เพราะนั่นก็จะยิ่งทำให้เกิดการอักเสบมากกว่าเดิม และเสี่ยงต่อการติดเชื้ออีกด้วย ทางที่ดีควรดูแลรักษาริมฝีปากให้ชุ่มชื้นอยู่เสมอและเลี่ยงการสัมผัสริมฝีปากไปเลยจะดีที่สุด
2.ทาลิปบาล์มหรือลิปมัน
คุณสมบัติของลิปบาล์มและลิปมันคือ บำรุงริมฝีปาก ทำให้ปากชุ่มชื้น ป้องกันปากแห้ง แตก ซึ่งจะช่วยแก้ปัญหาการแพ้ลิปสติกได้เป็นอย่างดี โดยแนะนำให้ทาเป็นประจำวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น แล้วจะช่วยให้ริมฝีปากของคุณกลับมาดูสวยเนียนนุ่มเหมือนเดิมอย่างแน่นอน
3.ดื่มน้ำและทานอาหารที่มีประโยชน์
การดื่มน้ำที่เพียงพอจะช่วยรักษาความชุ่มชื้นให้แก่ริมฝีปาก และช่วยขับสารพิษที่ได้รับจากลิปสติกออกจากร่างกาย นอกจากนี้การทานอาหารที่มีประโยชน์ยังช่วยฟื้นฟูริมฝีปากที่มีปัญหาได้ อย่างเช่น การทานผลไม้ตระกูลเบอรี่ ซึ่งมีสารต้านอนุมูลอิสระจะช่วยปกป้องผิว และทำให้ริมฝีปากชุ่มชื้นขึ้น ส่วนการดื่มน้ำแครอทที่มีเบต้าแคโรทีนสูง ก็ช่วยทำให้ปากนุ่มชุ่มชื้นได้เช่นกัน ดังนั้นมาดื่มน้ำให้เยอะๆ แล้วทานอาหารที่มากประโยชน์เพื่อแก้อาการแพ้ลิปสติกกันดีกว่า
4.เลือกใช้สีอ่อนๆ
การเลือกใช้ลิปสติกในครั้งต่อไปแนะนำว่า ควรเลือกลิปสติกสีอ่อนๆ เพราะลิปสติกสีสดใสอย่างเช่น สีแดง มักทำให้ผู้ใช้เกิดอาการแพ้ได้มากกว่าการเลือกใช้ลิปสติกสีอ่อน ซึ่งจะช่วยให้ผู้ใช้เสี่ยงกับอาการแพ้น้อยลง นอกจากนี้ควรหลีกเลี่ยงการซื้อลิปสติกที่ใส่น้ำหอม และสารกันเสีย ซึ่งเป็นสารเคมีที่ทำให้ผู้ใช้มีโอกาสแพ้ลิปสติกมากขึ้น
5.ปรึกษาแพทย์
อาการแพ้ที่เกิดขึ้นอาจต้องใช้ยาช่วย จึงควรรีบไปพบแพทย์ถ้าพบว่ามีอาการแย่ลง ซึ่งแพทย์อาจจ่ายยาทานระงับความเจ็บปวด ยาทานแก้แพ้คลอเฟนิรามีน หรือยาทาไตรโนโลนสำหรับทาริมฝีปากด้านนอก ทั้งนี้ควรทำตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อให้หายจากอาการแพ้เร็วที่สุด
การรักษาริมฝีปากหลังเกิดอาการแพ้นั้น ควรเน้นเรื่องความสะอาด การดูแลริมฝีปากอย่างทะนุถนอม และต้องไม่ลืมว่าควรเลือกซื้อลิปสติกที่ได้มาตรฐาน เหมาะกับสภาพผิว เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการแพ้อีกนั่นเอง