Dr. Tom Makin นักจุลชีววิทยาจากเมืองเชชเชอร์ ประเทศอังกฤษ แนะนำว่า หากเปิดฝักบัวทิ้งไว้ 20 นาทีก่อนเข้าไปอาบน้ำจริง ๆ จะสามารถช่วยลดความเสี่ยงในการเป็นโรคให้เราได้
อันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากน้ำในฝักบัวหลังจากที่เราไม่ใช้นาน ๆ คือแบคทีเรียชนิดหนึ่งที่มีชื่อเรียกว่า “ลีเจียนแนลลา” ซึ่งเป็นเชื้อที่มักพบในบริเวณที่มีน้ำขังนิ่ง มีความชื้นสูง และมีอุณหภูมิค่อนข้างสูง และยังพบในระบบเครื่องปรับอากาศหรือถังเก็บน้ำระบายความร้อน ที่ใช้ในอาคารขนาดใหญ่โดยเฉพาะในโรงแรม นอกจากนี้ยังสามารถพบได้ในก๊อกน้ำ เครื่องทำน้ำร้อน และฝักบัวอาบน้ำที่ไม่มีการดูแลรักษาความสะอาดอย่างถูกต้อง โดยเชื้อโรคนี้ก่อให้เกิดโรค “ลิเจียนแนร์”
โรคลีเจียนแนร์ คืออะไร?
เป็นโรคติดเชื้อแบคทีเรียเฉียบพลันจากสิ่งแวดล้อมากมีภาวะปอดอักเสบ อาการรุนแรง และอัตราป่วยตายสูง เรียกว่า โรคลีเจียนแนร์ (Legionnaires disease) และอีกแบบไม่มีภาวะปอดอักเสบ อาการไม่รุนแรง เรียกว่า โรคไข้ปอนเตียก (Pontiac fever) วิธีการแพร่โรคโดยเชื้อเข้าสู่ร่างกายคนทางระบบทางเดินหายใจ โดยคนหายใจเอาเชื้อนี้เข้าไป
>> เตือน! “โรคลีเจียนแนร์” นักท่องเที่ยวเสี่ยงติดเชื้อจากโรงแรม-ที่พัก
Dr. Makin กล่าวกับ Mail on Sunday ว่า “ผมปิดปากและจมูกด้วยมือข้างหนึ่ง ก่อนใช้มืออีกข้างเปิดก๊อกน้ำฝักบัว โดยปล่อยให้น้ำไหลไปเรื่อย ๆ ราว 20 นาที จากนั้นค่อยเข้าไปปิดก๊อก และจะยังไม่เข้าไปอาบน้ำจนกว่าจะรอไปอีก 20 นาที” การทำแบบนี้จะช่วยหลีกเลี่ยงการหายใจเอาเชื้อโรคเข้าสู่ปอดได้
เชื้อลิเจียนแนลล่าสามารถพบได้มากในช่วงฤดูร้อนที่ภูมิอากาศร้อนชื้น และสามารถก่อตัวเพิ่มขึ้นหลังจากที่เราไม่ได้ใช้งานก๊อกน้ำเป็นเวลาหลายวัน คนที่อาบน้ำผ่านฝักบัวจะเสี่ยงมากกว่าคนที่อาบน้ำแบบแช่อ่าง หรือตักจากบ่อหรือโอ่ง
อาการของโรคลิเจียนแนร์ จะมีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ เช่น ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อ ไอ คลื่นไส้อาเจียน หากมีอาการหนัก อาจทำให้ปอดอักเสบ มีไข้สูง ไอ หนาวสั่น ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ อ่อนเพลีย และอาจเป็นสาเหตุทำให้เสียชีวิตได้
ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยง มักเป็นกลุ่มที่มีปัญหากับระบบภูมิคุ้มกันโรค หากเป็นผู้ที่มีภูมิต้านทานโรคดีในระดับหนึ่งแล้ว ก็จะมีความเสี่ยงต่อโรคลิเจียนแนร์ต่ำกว่า