เปิดปีใหม่มาก็เข้าเทศกาลยื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด.90/91) ปีภาษี 2562 สำหรับผู้ที่มีรายได้ถึงเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษีหลายคนคงเลือกใช้วิธียื่นภาษีทางอินเทอร์เน็ต เพราะง่ายและสะดวกสุด ๆ แต่ถ้าใครยังไม่เคยยื่นภาษีทางอินเทอร์เน็ต แล้วสนใจจะใช้ช่องทางนี้ดูบ้าง เราก็มีขั้นตอนและคำแนะนำมาอธิบายกัน แล้วจะเข้าใจว่าการยื่นภาษีด้วยตัวเองไม่ใช่เรื่องยากเลยค่ะ
วันนี้กระปุกดอทคอมจะมาแนะนำขั้นตอนต่าง ๆ เป็นไกด์สำหรับมือใหม่ที่ยังไม่คุ้นเคยกับการยื่นภาษีผ่านอินเทอร์เน็ตด้วยตัวเองค่ะ
1. เข้าไปที่เว็บไซต์ epit.rd.go.th ของกรมสรรพากร
- หากเคยลงทะเบียนไว้แล้ว แต่ลืมรหัสผ่าน ให้เลือกลืมรหัสผ่าน เพื่อตอบคำถามที่เราเคยตั้งไว้ แต่หากลืมคำถามที่เคยตั้งไว้ด้วย ให้เลือก "เปลี่ยนรหัสผ่าน" แล้วกรอกข้อมูลตามขั้นตอน (ตรวจสอบวิธีการลงทะเบียนแบบละเอียดได้ที่นี่)
3. เมื่อลงทะเบียนหรือเปลี่ยนรหัสผ่านเรียบร้อยแล้ว ให้กลับมาที่หน้าแรก epit.rd.go.th เลือก "ยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ภ.ง.ด.90/91" แล้วใส่ username พร้อมรหัสผ่านที่ตั้งไว้
4. จากนั้นจะมาที่หน้า "แบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาปีภาษี..." ซึ่งจะมีข้อมูลที่เรากรอกไว้ตอนลงทะเบียนปรากฏอยู่แล้ว ในส่วนนี้ขอให้ตรวจสอบข้อมูลของเราอย่างละเอียด หากพบข้อมูลผิดพลาด เช่น เปลี่ยนที่อยู่ใหม่ พิมพ์ชื่อผิด ให้รีบแก้ไข เพราะหากกดยืนยันไปแล้ว จะไม่สามารถกลับมาแก้ไขได้อีก
เมื่อตรวจสอบเรียบร้อยแล้วถูกต้อง ให้คลิก "ทำรายการต่อไป"
5. เมื่อคลิกแล้วจะมาที่ "หน้าหลัก" ซึ่งจะปรากฏข้อมูลของเรา (ผู้มีเงินได้) อยู่ทางซ้ายมือด้านล่าง
ส่วนด้านล่างเป็นส่วน "สถานภาพของผู้มีเงินได้" กรณีเป็น "บุคคลธรรมดา" ให้เลือกระหว่าง "โสด/สมรส/หม้าย"
- กรณีเลือกโสดหรือหม้าย ให้คลิกทำรายการต่อไปได้เลย
- กรณีเลือกสมรส ต้องกรอกข้อมูลคู่สมรสรวมทั้งข้อมูลการมีเงินได้ทางด้านขวามือก่อน แล้วจึงเลือกทำรายการต่อไป
6. จากนั้นมาที่หน้า "เลือกเงินได้/ลดหย่อน" ส่วนนี้ให้เรากรอกข้อมูลรายการเงินได้พึงประเมินและค่าลดหย่อน
6.1. รายการเงินได้พึงประเมิน
ให้เราติ๊กเครื่องหมายหน้าช่องที่เป็นแหล่งที่มาของเงินได้เรา เช่น
- หากมีรายได้จากเงินเดือน ค่าจ้าง เบี้ยเลี้ยง บำนาญ โบนัส ให้ติ๊กที่ช่อง "มาตรา 40 (1)
- แต่หากมีรายได้จากอื่น ๆ ด้วย ให้ติ๊กช่องอื่นเพิ่มเติม เช่น มีรายได้จากเงินปันผลของกองทุนรวมที่ซื้อไว้ ให้ติ๊กที่ช่อง "มาตรา 40 (8)" กรณีได้รับเงินจากการขายบ้าน ให้ติ๊กที่ช่อง "เงินได้จากการขายอสังหาริมทรัพย์"
6.2. เลือกเงินได้ที่ได้รับยกเว้น/ค่าลดหย่อน
ส่วนนี้คือเรามีค่าลดหย่อนอะไรบ้าง ให้เลือกที่ช่องนั้น เช่น
- หากบริษัทมีหักเงินประกันสังคมไป ให้เราเลือกที่ช่อง "เงินสมทบกองทุนประกันสังคม"
- กรณีดูแลบิดา-มารดา อายุเกิน 60 ปี ให้เลือกช่อง "อุปการะเลี้ยงดูบิดามารดาที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป"
- หากซื้อกองทุน LTF ไว้ลดหย่อนภาษี ก็เลือกช่อง "ค่าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนรวมหุ้นระยะยาว LTF"
เมื่อเลือกครบแล้ว ให้กดทำรายการต่อไป
7. จากนั้นจะมาปรากฏที่หน้า "บันทึกเงินได้" ซึ่งจะให้เรากรอกข้อมูลรายละเอียดเงินได้และค่าลดหย่อนตามที่เราเลือกมาในหน้า "เลือกเงินได้/ลดหย่อน"
ส่วนนี้ให้เรากรอกเงินเดือน ค่าจ้างที่เราได้รับ เช่น มาตรา 40 (1) ให้เรากรอกเงินได้พึงประเมิน คือเงินที่เราได้รับจากค่าจ้างทั้งหมด พร้อมทั้งจำนวนภาษีที่บริษัทหักไป หากมีเงินสะสมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ก็ให้กรอกตัวเลขนั้นไป
ส่วนช่อง "เลขประจำตัวผู้เสียภาษีอากรของผู้จ่ายเงินได้" ให้กรอกเลขภาษีของบริษัทที่จ่ายเงินให้เรา ซึ่งจะมีข้อมูลอยู่ในใบ 50 ทวิ
หากมีเงินได้นอกเหนือจากค่าจ้าง ก็จะมีช่องให้กรอกเพิ่มเติมเมื่อกดไปที่ "ทำรายการต่อไป"
8. เมื่อกรอกข้อมูลเงินได้เสร็จสรรพ จะมาที่หน้า "บันทึกค่าลดหย่อน"
ส่วนนี้ให้เรากรอกข้อมูลการลดหย่อนต่าง ๆ เช่น กรณีส่งเงินสมทบกองทุนประกันสังคม, ท่องเที่ยวภายในประเทศ, ค่าซื้อสินค้าต่าง ๆ ก็ให้กรอกจำนวนเงินที่ซื้อหรือใช้บริการลงไป เสร็จแล้วเลือก "ทำรายการต่อไป"
9. จากนั้นจะมาที่หน้า "คำนวณภาษี" ซึ่งระบบจะคำนวณให้เรียบร้อยว่าหักอะไรเท่าไร ก่อนสรุปว่าเราต้องเสียภาษีเท่าไร
ด้านล่างจะมีข้อความระบุ "การแสดงเจตนาอุดหนุนเงินภาษีให้แก่พรรคการเมืองของผู้มีเงินได้" กรณีเราชำระภาษีไว้เกิน แล้วต้องการบริจาคให้พรรคการเมือง ให้เลือก "ประสงค์จะอุดหนุนเงินภาษี" พร้อมเลือกพรรคการเมืองที่เราต้องการมอบให้ แต่หากต้องการภาษีคืน ให้เลือก "ไม่ประสงค์จะอุดหนุนเงินภาษี" แล้วเลือก "มีความประสงค์จะขอคืนเงินภาษี" จากนั้นกด "ทำรายการต่อไป"
กรณีที่เราผูกบัญชีพร้อมเพย์ไว้กับเลขบัตรประจำตัวประชาชนแล้ว กรมสรรพากรจะโอนเงินภาษีคืนให้ทางบัญชีธนาคารที่ผูกพร้อมเพย์
10. จากนั้นจะปรากฏหน้า "ยืนยันการยื่นแบบ" ให้เราตรวจสอบข้อมูลอีกครั้ง จากนั้นกด "ยืนยันการยื่นแบบ" เป็นอันเสร็จสิ้น
ระหว่างนี้หากยังไม่กดยืนยันการยื่นแบบในหน้าสุดท้าย เรายังสามารถกลับไปแก้ไขหรือเพิ่มเติมข้อมูลในหน้าก่อน ๆ ได้นะคะ
เมื่อกดยืนยันการยื่นแบบนั้น จากนั้นจะมาที่หน้า "ผลการยื่นแบบ" ซึ่งจะแจ้งให้เราทราบว่า ได้เงินภาษีคืนเท่าไร ยื่นแบบวันไหน
กรณีต้อง "ชำระภาษีเพิ่มเติม" จะมีรายละเอียดระบุว่า สามารถชำระภาษีเพิ่มเติมได้ที่ช่องทางไหนบ้าง เช่น โอนทางธนาคารหรือ ATM และยังสามารถผ่อนจ่ายได้ด้วย ตรวจสอบข้อมูลการชำระภาษีเพิ่มเติมได้ที่ "การชำระภาษีด้วยวิธีใดบ้าง ?"
- ผ่อนภาษี ได้ 3 งวด ทางเลือกง่าย ๆ ของคนจ่ายภาษี
วิธีการตรวจสอบข้อมูลการขอคืนภาษี
หลังจากยื่นภาษีแล้ว 3 วันทำการ สามารถสอบถามข้อมูลการขอคืนภาษีได้ที่กรมสรรพากร rd.go.th ซึ่งเราไม่ควรลืมตรวจสอบนะคะ เพราะกรมสรรพากรอาจเรียกตรวจเอกสารของเราได้ กรณีนี้เราจะต้องนำเอกสารหลักฐานต่าง ๆ สแกนเป็นไฟล์แล้วอัปโหลดผ่านหน้าเว็บไซต์กรมสรรพากร เพื่อตรวจสอบภายในวันที่กำหนด ซึ่งเมื่อกรมสรรพากรตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว ก็จะดำเนินการคืนเงินภาษีให้ทางบัญชีธนาคารที่เราผูกพร้อมเพย์ไว้
กรณียื่นแบบแสดงรายการภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด.90, 91) ขอคืนภาษี และยังไม่ได้รับเงินคืน สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลได้ที่ศูนย์บริการข้อมูลสรรพากร (Call Center) โทร. 1161 หรืองานคืนภาษี สำนักงานสรรพากรพื้นที่ทั่วประเทศ
กรอกข้อมูลผิดไป ทำไงดี ?
สำหรับคนที่ยื่นแบบภาษีทางออนไลน์ไปแล้วและเพิ่งรู้ว่ากรอกข้อมูลผิดไป กรณีนี้จะไม่สามารถกลับไปแก้ไขแบบที่ยื่นไปแล้วได้นะคะ แต่เราจะต้องกรอกข้อมูลใหม่ทั้งหมดผ่านอินเทอร์เน็ตอีกครั้ง โดยกดเลือกช่อง "ยื่นเพิ่มเติม" ซึ่งกรมสรรพากรจะพิจารณาจากการยื่นแบบครั้งล่าสุดที่เรายื่นไป เพราะฉะนั้นใครกรอกข้อมูลผิดไป ก็อย่าเพิ่งตกใจไปนะคะ ลองทำขั้นตอนตามนี้ดูเลย
- ยื่นภาษีผิดทำไงดี ไม่ต้องตกใจไป แค่ยื่นใหม่ก็จบแล้ว !
ถ้าไม่ยื่นทางออนไลน์ จะยื่นทางไหนได้อีก ?
นอกจากช่องทางออนไลน์แล้ว เราอาจเลือกยื่นแบบแสดงรายการภาษีที่อื่น ๆ ได้เช่นกัน คือ
ในเขตกรุงเทพมหานคร ให้ยื่น ณ
- สํานักงานสรรพากรพื้นที่สาขา (เดิมเรียกว่า สํานักงานสรรพากรเขต/อําเภอ)
- ธนาคารพาณิชย์ไทย และสาขา ในเขตกรุงเทพมหานคร
- ที่ทําการไปรษณีย์สําหรับการยื่นแบบ ระหว่างวันที่ 1 มกราคม ถึงวันที่ 31 มีนาคม เท่านั้น โดยสามารถยื่นแบบ ภ.ง.ด.90 หรือ ภ.ง.ด.91 โดยส่งทางไปรษณีย์ลงทะเบียน พร้อมแนบเช็ค (ประเภท ข. ค. หรือ ง.) หรือ ธนาณัติ (ตามจํานวนเงินภาษีที่ต้องชําระทั้งจํานวน) ส่งไปยังที่อยู่
กองบริหารการคลังและรายได้ กรมสรรพากร อาคารกรมสรรพากร เลขที่ 90 ซอยพหลโยธิน 7 ถนนพหลโยธิน เขตพญาไท กรุงเทพฯ 10400
ทั้งนี้ กรมสรรพากรจะถือเอาวันที่ลงทะเบียนไปรษณีย์เป็นวันรับแบบและชําระภาษี และจะส่งใบเสร็จรับเงิน
ให้แก่ผู้ยื่นแบบ ทางไปรษณีย์ลงทะเบียน
ในเขตจังหวัดอื่น ให้ยื่น ณ
- สํานักงานสรรพากรพื้นที่สาขา (เดิมเรียกว่า สํานักงานสรรพากรเขต/อําเภอ)
- ที่ว่าการอำเภอหรือกิ่งอำเภอท้องที่ที่สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ ในกรณีสำนักงานสรรพากรอำเภอมิได้ตั้งอยู่ ณ ที่ว่าการอำเภอ ให้ยื่น ณ สำนักงานสรรพากรอำเภอ หรือ
- สำนักงานสาขาของธนาคารพาณิชย์ไทยในเขตอำเภอหรือกิ่งอำเภอ ท้องที่ที่สำนักงานใหญ่ตั้งอยู่
ซึ่งหากยื่นแบบภาษีที่สำนักงานสรรพากร ไปรษณีย์ หรือธนาคาร จะต้องยื่นภายในวันที่ 31 มีนาคม 2563
อย่างไรก็ตาม หากไม่สะดวกเดินทางไปยื่นแบบภาษียังสถานที่ต่าง ๆ เราก็สามารถยื่นแบบภาษีออนไลน์ผ่านเว็บไซต์กรมสรรพากร หรือทางแอปพลิเคชัน Rd smart tax application ของกรมสรรพากรจะง่ายที่สุด และยังสามารถยื่นแบบได้ถึงวันที่ 8 เมษายน 2563 ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ rdserver.rd.go.th
ขั้นตอนอาจจะดูเยอะ แต่ถ้าเราเตรียมข้อมูลหลักฐานไว้พร้อมแล้ว และลองคลิกตามไปทีละขั้น จะเห็นว่าการยื่นแบบทางอินเทอร์เน็ตไม่ได้ยากอยางที่เราคิดค่ะ
***หมายเหตุ : อัปเดตข้อมูลล่าสุดเมื่อวันที่ 2 มกราคม 2563
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
กรมสรรพากร, กรมสรรพากร