1. เสี่ยงท้องผูก
Gregory Thorkelson หัวหน้าทีมจิตแพทย์จาก University of Pittsburgh เผยว่า การเล่นโทรศัพท์หรืออ่านหนังสือในขณะที่นั่งส้วม จะทำให้เราโฟกัสอยู่ที่หน้า Feed หรือเกมบนมือถือมากกว่าโฟกัสเรื่องการขับถ่าย ซึ่งอาจจะทำให้จังหวะเคลื่อนตัวของของเสียในลำไส้หยุดชะงักแล้วไหลกลับไปคั่งอยู่ในร่างกายเราเหมือนเดิม ส่งผลให้เกิดอาการท้องผูกได้ โดยหากสังเกตจริง ๆ เราก็จะเห็นได้ว่า ถ้าเล่นมือถือหรืออ่านหนังสือไปด้วย เรามักจะต้องใช้เวลาในการขับถ่ายของเสียนานกว่าปกติใช่ไหมคะ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องที่ดีเลย เพราะในความเป็นจริงเราไม่ควรใช้เวลานั่งส้วมนานเกิน 15 นาทีด้วยซ้ำ เพราะอาจทำให้เสี่ยงต่อโรคริดสีดวงทวารเพิ่มขึ้นนั่นเอง
ดังนั้นจิตแพทย์จึงแนะนำว่า เราควรเข้าห้องน้ำเมื่อรู้สึกปวดถ่ายจริง ๆ แทนการนั่งเล่นมือถือหรืออ่านหนังสือ เพื่อรอจังหวะที่ร่างกายอยากขับถ่าย ซึ่งจะทำให้ขับถ่ายได้อย่างเต็มที่ แถมลดเวลาในการเข้าห้องน้ำของเราด้วย
2. เสี่ยงเป็นริดสีดวงทวาร
ถ้าเมื่อไรที่เกิดอาการท้องผูกแล้ว สิ่งที่มักจะตามมาก็คือโรคริดสีดวงทวารที่ใครก็ไม่อยากพบเจอนี่แหละค่ะ ยิ่งหากยังไม่เปลี่ยนพฤติกรรม ยังคงดื้อจะเล่นโทรศัพท์ขณะนั่งส้วมกันอยู่ เพราะการที่เราพยายามจะเบ่ง พยายามจะนั่งจนกว่าจะถ่าย อาจส่งผลให้เกิดแรงดันในช่องท้องมาก เส้นเลือดดำถ่ายเทไม่สะดวกและเกิดอาการโป่งพองขึ้น กลายเป็นริดสีดวงทวารในที่สุด ซึ่งหากไม่อยากเป็นริดซี่ ก็พยายามกินผัก ผลไม้ อาหารที่มีกากใยเยอะ ๆ พร้อมทั้งเลี่ยงการนั่งส้วมนาน ๆ ด้วยก็จะดีมาก
3. เสี่ยงต่อการถ่ายไม่สุด
การโฟกัสกับสิ่งที่ถืออยู่ตรงหน้ามากกว่าโฟกัสเรื่องการขับถ่าย ไม่เพียงแต่ทำให้ถ่ายยากขึ้นเท่านั้น แต่บางคนถ่ายออกมาแบบกะปริดกะปรอยมาก ทำให้เกิดความรู้สึกว่าถ่ายไม่สุด ซึ่งมันจะมวน ๆ ท้องรบกวนเราไปทั้งวัน หรือถ้าถ่ายไม่สุดบ่อย ๆ อาจกลายเป็นโรคลำไส้แปรปรวนขึ้นมาอีก
4. เสี่ยงท้องร่วง
ในห้องน้ำเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคหลากหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นเชื้อซีดิฟฟิไคล์ (C.difficile) เชื้ออีโคไล (E. coli) เชื้อแซลโมเนลล่า (salmonella) ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคในระบบทางเดินอาหาร เช่น โรคท้องร่วง ท้องเสีย อาเจียน และความผิดปกติอื่น ๆ ของลำไส้
โดยนักวิทยาศาสตร์จาก Leeds University ก็เผยว่า เชื้อโรคร้ายดังกล่าวพบได้เกือบทุกตารางนิ้วในห้องน้ำเลยก็ว่าได้ ยิ่งหากตอนกดชักโครกแล้วเราไม่ได้ปิดฝาชักโครกไว้ เชื้อร้ายก็มีโอกาสฟุ้งกระจายไปได้ไกลจนโทรศัพท์มือถือของเราก็ไม่รอดพ้น โดนละอองอากาศที่เปี่ยมไปด้วยเชื้อโรคเกาะติดอย่างแน่นหนา คราวนี้เมื่อเราจับโทรศัพท์มาเล่นอีกครั้ง เราก็รับเชื้อโรคไปอีกที แล้วคิดดูนะคะว่าเล่นมือถือไป กินข้าวเช้า กินขนมไป ก็ย่อมได้รับเชื้อโรคอย่างเอร็ดอร่อยไปด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะหากกดชักโครกแล้วไม่ล้างมือ หรือทำธุระเสร็จแล้วล้างมือไม่สะอาด เอามือมาหยิบโทรศัพท์ เชื้อโรคก็คงติดมือถือไปอย่างเลี่ยงไม่ได้แน่ ๆ ค่ะ
5. ยิ่งนั่งนาน ยิ่งสูดเชื้อโรคเข้าร่างกาย
อย่างที่บอกไปค่ะว่าในห้องน้ำเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรค นี่ยังไม่รวมพวกเชื้อราที่แฝงอยู่ในผ้าเช็ดตัวที่ผึ่งไว้ ฟองน้ำสำหรับเช็ดล้าง หรือม่านกั้นห้องน้ำที่เต็มไปด้วยคราบไคล ซึ่งเชื้อร้ายเหล่านี้แหละที่วนเวียนภายในห้องน้ำของเรา ผสมกับอากาศที่เราสูดดมเข้าปอดไป ฉะนั้นยิ่งเราใช้เวลาอยู่ในห้องน้ำนานเท่าไร โอกาสที่จะสูดดมเอาละอองเชื้อโรค เชื้อราเข้าไปก็จะยิ่งยาวนานขึ้น เสี่ยงเกิดการอักเสบหรือหากร่างกายอ่อนแออยู่ก็จะป่วยได้ง่ายขึ้นด้วยนะคะ
6. เป็นเหน็บชา เวียนหัว
อาการนี้คนเล่นโทรศัพท์ในห้องน้ำน่าจะเจอกันบ่อย ๆ ยิ่งคนที่ติดเกม ถ่ายเสร็จก็ยังนั่งเล่นเกมต่อ บอกเลยว่าลุกจากชักโครกทีนี่แทบเดินไม่ไหว ยืนก็เซ หรือถ้าใครลุกเร็วเกินไปก็ทำให้เวียนหัวหน้ามืดได้ ซึ่งขอเตือนเลยนะคะว่าระวังจะล้มในห้องน้ำกันด้วย
ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าพฤติกรรมเคยชินของเราอาจนำอันตรายเข้าตัวได้มากถึงเพียงนี้ ดังนั้นใครไม่อยากบั่นทอนสุขภาพของตัวเอง ต่อไปก็อย่าเล่นหรือพกโทรศัพท์มือถือเข้าห้องน้ำด้วยเลยดีกว่า หรือถ้าจะให้ดียิ่งขึ้นไปอีก หมั่นทำความสะอาดมือถือบ่อย ๆ ด้วยการใช้แอลกอฮอล์เช็ดมือถือให้ทั่ว และอย่าลืมล้างมือให้สะอาดทุกครั้งหลังเข้าห้องน้ำ รวมทั้งก่อนรับประทานอาหารด้วยนะคะ เพราะโทรศัพท์มือถือของเราเนี่ย เชื้อโรคมากกว่าบนฝาชักโครกซะอีกแหละ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
huffingtonpost
metro
lorecentral
menshealth
cbsnews
dailyedge