ผลวิจัยจาก The New England Journal of Medicine ระบุว่าการทำ Intermittent Fasting หรือ IF สามารถลดความดันโลหิต ลดน้ำหนัก และทำให้อายุยืนขึ้นได้
ผู้เขียนงานวิจัยชิ้นนี้คือ Mark Mattson อาจารย์ด้านประสาทวิทยา จากมหาวิทยาลัย Johns Hopkins กล่าวถึงการทำ IF 2 รูปแบบด้วยกัน คือแบบแรก 6:8 กิน 6-8 ชั่วโมง อดอาหาร 16-18 ชั่วโมง และแบบที่ 2 คือ 5:2 กินปกติ 5 วัน และอดอาหาร 2 วันใน 1 สัปดาห์ (โดยวันที่อดทานได้ไม่เกิน 500 แคลอรี)
>> งดมื้ออาหาร (Intermittent Fasting) เทรนด์ใหม่ “ลดน้ำหนัก” อย่างถูกวิธี
แล้วมันได้ผลยังไง ?
เคยมีการทดลองใช้วิธี IF กับหนูทดลองและผู้ใหญ่ที่มีน้ำหนักตัวเกิน ซึ่งผลออกมาว่ามันสามารถลดน้ำหนักได้จริง Mattson กล่าวว่า วิธี IF มีผลต่อการทำงานของเซลล์ ซึ่งจะช่วยในการสลับการเผาผลาญอาหาร คือในช่วงที่อดเซลล์จะนำไขมันออกมาใช้เป็นพลังงาน
ประโยชน์ที่จะได้รับคืออะไร ?
จากงานวิจัยหลายๆ งาน บางอันก็กล่าว่าการทำ IF สามารถทำให้ชีวิตมนุษย์และสัตว์ยืนยาวขึ้น มีสุขภาพดีขึ้น และทำให้รู้และเข้าใจเกี่ยวกับวิธี IF มากขึ้น
มีผู้ป่วยโรคเบาหวาน 2 รายที่ลดน้ำหนักได้ด้วยวิธี IF จากนั้นทั้งสองไม่ต้องรับอินซูลินอีกต่อไป นั่นพิสูจน์ว่าโรคเบาหวานสามารถรักษาได้
ผลงานวิจัยก่อนๆ ของ Mattson ชี้ให้เห็นว่าการทำ IF สามารถลดความเครียดและการทำงานของสมองและระบบได้ ในปี 2009 มีผลงานวิจัยในผู้สูงอายุ 2 คนที่มีความจำที่ดีขึ้นจากการอดอาหาร และผู้ชายกลุ่มยังหนุ่มยังแน่นสามารถลดไขมันและรักษากล้ามเนื้อเอาไว้ได้จากการอดอาหาร 16 ชั่วโมงทุกวัน
>> ข้อดีของ IF หรือ “งดมื้ออาหาร” ที่มากกว่าแค่ “ลดน้ำหนัก”
ข้อจำกัดของการทำ IF
ต่อให้มีผลงานวิจัยด้านดีออกมามากมายแต่ก็ยังเป็นงานวิจัยแคบๆ ที่ได้ผลกับคนที่น้ำหนักเกินและอยู่ในวัยรุ่นและวัยกลางคน ในผลงานวิจัยข้อเสียของการทำ IF แสดงให้เห็นว่าเกือบ 40% ของคนที่ทำ IF ถูกสั่งให้หยุดทำกะทันหันเนื่องจากได้รับผลที่ไม่ดีนัก
“มันอาจจะทรมานจากความหิวในช่วงแรกๆ แต่ความทรมานนี้จะผ่านไปหลังจากคุณได้ลองทำ 2 สัปดาห์ เพราะร่างกายและสมองจะจดจำพฤติกรรมใหม่ๆ ของเรา” Mattson กล่าว
>> 5 ข้อควรรู้ก่อนเริ่ม “งดมื้ออาหาร” (Intermittent Fasting)