ข่าวสาร/สาระน่ารู้

News&Knowledge

8 ประโยชน์ของกล้วยหอม ลองแล้วจะรัก ช่วยลดน้ำหนักก็ได้ !

115,863 view(s)
21/01/2020
รายละเอียด
 กล้วย เป็นผลไม้ที่หากินได้ง่ายในบ้านเรา แถมยังมีกล้วยให้เลือกกินอยู่หลายชนิดด้วยกันอีกต่างหาก ทว่ากล้วยที่ได้กินกันบ่อย ๆ ก็คงหนีไม่พ้นกล้วยน้ำว้า กล้วยไข่ และกล้วยหอม เพราะนอกจากจะกินกล้วยเป็นผลไม้แล้ว กล้วยแต่ละชนิดยังนำไปทำขนมอร่อย ๆ ได้อีกด้วยเนอะ แต่ครั้นจะกินกล้วยไปวัน ๆ โดยไม่รู้จักประโยชน์ของกล้วยกันเลย นั่นก็ไม่ใช่สไตล์เราค่ะ ดังนั้นวันนี้เราจะพาทุกคนมารู้จักสรรพคุณของกล้วยหอม มาดูซิว่าประโยชน์ของกล้วยหอมต่อสุขภาพ มีอะไรเด็ด ๆ จนต้องร้องว้าวกันบ้าง

          อ้อ...แต่ก่อนจะไปเจาะลึกถึงประโยชน์ของกล้วยหอมกัน เราจะพาทุกท่านมาดูข้อมูลจากกองโภชนาการ กรมอนามัย กันก่อนว่า คุณค่าทางโภชนาการของกล้วยหอมในปริมาณ 100 กรัม มีสารอาหารที่สำคัญอะไรบ้าง
 

คุณค่าทางโภชนาการของกล้วยหอม ปริมาณ 100 กรัม (ประมาณ 1 ลูกขนาดกลาง)

          - พลังงาน 132 กิโลแคลอรี

          - น้ำ 66.3 กรัม

          - โปรตีน 0.9 กรัม

          - ไขมัน 0.2 กรัม

          - คาร์โบไฮเดรต 31.7 กรัม

          - ไฟเบอร์ 1.9 กรัม

          - ซัลเฟต 0.9 กรัม

          - แคลเซียม 26 มิลลิกรัม

          - ฟอสฟอรัส 46 มิลลิกรัม

          - เหล็ก 0.8 มิลลิกรัม

          - เบต้า-แคโรทีน 99 ไมโครกรัม

          - วิตามินเอ 17 ไมโครกรัม

          - วิตามินบี 1 (ไทอะมีน) 0.04 มิลลิกรัม

          - วิตามินบี 2 (ไรโบฟลาวิน) 0.07 มิลลิกรัม

          - ไนอะซีน 0.1 มิลลิกรัม

          - วิตามินซี 27 มิลลิกรัม
 

ประโยชน์ของกล้วยหอม
 
ประโยชน์ของกล้วยหอมต่อสุขภาพ


1. ช่วยเติมความสดชื่นให้ร่างกาย

          กล้วยเป็นผลไม้ที่มีน้ำตาลอยู่ 3 ชนิด คือ น้ำตาลซูโครส ฟรักโตส และกลูโคส ซึ่งน้ำตาลเหล่านี้จากกล้วยหอมเป็นสารอาหารที่ร่างกายพร้อมนำไปใช้เป็นพลังงานได้ทันที 
ฉะนั้นใครอยากเติมพลังให้รู้สึกกระปรี้กระเปร่า กล้วยหอมสักลูกก็ช่วยได้ โดยเฉพาะหากกินกล้วยหอมหลังออกกำลังกาย ร่างกายก็จะรู้สึกสดชื่นขึ้น คนที่วิ่งระยะทางไกล ๆ หรือออกกำลังกายหนัก ๆ เป็นประจำ ลองสังเกตได้เลยค่ะว่าเขาจะพกกล้วยหอมไว้เป็นอาหารหลังออกกำลังกาย

2. ช่วยคลายเครียด

          กล้วยหอมมีกรดอะมิโนประเภททริปโตเฟน ซึ่งเป็นกรดอะมิโนที่มีส่วนช่วยกระตุ้นเซโรโทนิน ฮอร์โมนที่ช่วยให้ร่างกายรู้สึกผ่อนคลาย หรือเรียกง่าย ๆ ว่าฮอร์โมนแห่งความสุข คนที่มีความเครียดหรือรู้สึกกังวลใจ ลองหยิบกล้วยหอมมากินสักลูกก็อาจจะช่วยให้เครียดน้อยลงได้บ้างไม่มากก็น้อย

 

กล้วยหอม
 

3. แก้นอนไม่หลับ   

          กินกล้วยหอมก่อนนอนก็เป็นอีกหนึ่งวิธีแก้นอนไม่หลับได้ค่ะ เพราะกล้วยหอมอุดมไปด้วยกรดอะมิโนและทริปโตเฟน สารประกอบสำคัญของการสร้างเซโรโทนิน ฮอร์โมนในร่างกายที่ช่วยให้หลับง่ายขึ้น ดังนั้นใครมีอาการนอนหลับกระสับกระส่าย นอนไม่หลับบ่อย ๆ แนะนำให้กินกล้วยหอมหลังมื้อเย็นแล้วค่อยอาบน้ำนอน

4. ช่วยย่อยอาหาร

          กากใยอาหารในกล้วยหอมจะช่วยให้การทำงานของระบบย่อยอาหารคล่องตัวมากขึ้น ยิ่งถ้ากินกล้วยหอมได้บ่อย ๆ พร้อมกับรับประทานผัก-ผลไม้ชนิดอื่น ๆ ด้วย ก็จะช่วยปรับจูนระบบย่อยอาหารให้ทำงานได้เป็นปกติดี ชนิดที่เราไม่จำเป็นต้องพึ่งยาช่วยย่อยกันอีกเลย

5. แก้ท้องผูก

          ไฟเบอร์ที่มีอยู่ในกล้วยหอมเป็นไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำได้ จึงมีส่วนช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้ไหลลื่นขึ้น ซึ่งดีต่อระบบขับถ่ายของเรามากเลยทีเดียว ดังนั้นใครมีอาการท้องผูกบ่อย ๆ ลองกินกล้วยหอมให้ได้ทุกวัน วันละ 1 ลูก แล้วพยายามดื่มน้ำให้มาก อาการท้องผูกถ่ายยากก็น่าจะดีขึ้นแล้วล่ะค่ะ
 


 

6. กินกล้วยหอมลดความอ้วนก็ได้ !

          ขอออกตัวก่อนค่ะว่ากล้วยหอมไม่ใช่ผลไม้แคลอรีต่ำ เพราะแคลอรีในกล้วยหอม 1 ลูกย่อม ๆ ก็ให้พลังงานประมาณ 132 กิโลแคลอรีกันเลย ทว่าจุดเด็ดที่ทำให้กล้วยหอมช่วยลดน้ำหนักได้ก็คือ กล้วยมีวิตามิน B1 และ B2 คอยช่วยเร่งการเผาผลาญน้ำตาลและไขมัน อีกทั้งยังมีคาร์โบไฮเดรตชนิดดีต่อร่างกาย มีไฟเบอร์ชนิดละลายน้ำได้ ดังนั้นเมื่อกล้วยตกเข้าไปในระบบย่อยอาหารจึงดูดซับน้ำ พองตัวและช่วยทำให้ท้องรู้สึกอิ่มได้นานขึ้น

          อ้อ ! ขอแถมให้อีกหนึ่งทริก ถ้าอยากกินกล้วยหอมลดน้ำหนักจริง ๆ แนะนำให้กินกล้วยหอมตอนเช้า เพราะน้ำตาลและคาร์โบไฮเดรตในกล้วยหอมจะช่วยลดความอยากอาหารหวาน ๆ ของร่างกาย ทำให้เราควบคุมอาหารได้ดีขึ้น

7. ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ


          กล้วยเป็นผลไม้สีขาว ที่มีสารพฤกษเคมีที่สำคัญคือ อัลลิซิน (Allicin) และแร่เซเลเนียม (Mineral Selenium) ซึ่งเป็นสารพฤกษเคมีที่มีฤทธิ์ทางชีวภาพเป็นสารต้านอนุมูลอิสระชนิดหนึ่งที่ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจได้ส่วนหนึ่ง ทั้งนี้พฤติกรรมการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพและการออกกำลังกายก็เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยลดความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจ หรือโรคไม่ติดต่อเรื้อรังอื่น ๆ ได้ด้วยนะคะ
 


กล้วยหอม


8. ป้องกันตะคริวได้

          สำหรับใครที่เป็นตะคริวบ่อย ๆ มีอาการตะคริวเป็นประจำ นั่นแปลว่าร่างกายกำลังส่งสัญญาณว่าต้องการสารอาหารประเภทแมกนีเซียมและโพแทสเซียมอยู่ ซึ่งกล้วยหอมก็เป็นผลไม้ที่มีปริมาณโพแทสเซียมค่อนข้างสูง หากจะกินกล้วยหอมเพิ่มสารอาหารให้ร่างกายได้รับการเติมเต็มจนไม่เป็นตะคริวอีก จุดนี้กล้วยหอมก็พอช่วยได้ค่ะ แต่ทั้งนี้อีกหนึ่งวิธีช่วยลดการเกิดตะคริวง่าย ๆ ก็คือการดื่มน้ำมาก ๆ อย่างน้อยวันละประมาณ 2 ลิตรด้วยนะคะ

สรรพคุณกล้วยหอมพร้อมเป็นยา
 

 กล้วยหอม
 
1. เป็นยาทำให้ปอดชุ่ม รักษาโรคร้อน กระหายน้ำ


          ตามศาสตร์แพทย์แผนจีน กล้วยหอมมีรสเย็น และเข้าเส้นลมปราณปอด จึงมีการนำกล้วยหอมมารักษาโรคร้อน กระหายน้ำ แก้เมาแฮงก์ แก้ไอเรื้อรังจากอาการคอแห้ง เพียงแค่กินกล้วยหอมสุกหรือสมูทตี้กล้วยหอมก็ได้

2. รักษาความดันโลหิตสูง

          ตำรับยาสมุนไพรใช้เปลือกกล้วยหอมสด 30-60 กรัม ต้มเอาน้ำดื่ม เป็นยาหม้อช่วยลดความดันโลหิตสูงได้ หรือหากต้มปลีกล้วยกินเป็นประจำ จะช่วยป้องกันโรคเส้นเลือดในสมองแตกได้

3. รักษาโรคริดสีดวงทวาร

          ใครมีอาการท้องผูก หรือเป็นริดสีดวงทวาร ตำรับนี้จะช่วยแก้อาการให้คุณได้ เพียงแค่กินกล้วยหอมสุก 1-2 ลูกทุกเช้าขณะท้องว่างเป็นประจำ

4. รักษาอาการมือ-เท้าแตก

          เปลือกกล้วยหอมยังมีสรรพคุณช่วยรักษาอาการมือ-เท้าแตกได้ด้วยนะคะ โดยนำกล้วยหอมที่สุกเต็มที่มาเจาะรูเล็ก ๆ ที่ปลายข้างหนึ่ง แล้วบีบเอากล้วยออกมาทาเท้าที่แตก ทิ้งไว้หลาย ๆ ชั่วโมงหน่อยแล้วค่อยล้างออก ทำบ่อย ๆ ผิวที่เคยแห้งแตกจะชุ่มชื้นและดูดีขึ้นได้
 


 

โทษของกล้วยหอม

          แม้จะมีประโยชน์เยอะทว่ากล้วยหอมเองก็มีข้อควรระวังในการรับประทานด้วย โดยเฉพาะกับผู้ป่วยโรคไต ควรรับประทานกล้วยหอมแต่น้อย หรือเลี่ยงไปเลยก็ได้ เพราะกล้วยหอมเป็นแหล่งของสารโพแทสเซียม อาจส่งผลกระทบต่ออาการของผู้ป่วยโรคไตได้

          นอกจากนี้เราก็ไม่ควรกินกล้วยหอมมากเกินขนาด สักวันละ 1-2 ลูกก็เพียงพอ เพราะกล้วยหอมเป็นผลไม้ที่มีคาร์โบไฮเดรตค่อนข้างสูง หากกินกล้วยหอมร่วมกับอาหารประเภทแป้งเยอะ ๆ ก็อาจทำให้เกิดอาการท้องอืด แน่นท้องเอาได้

          และสำหรับคนที่กำลังลดน้ำหนัก อย่าลืมนะคะว่ากล้วยหอมก็มีแคลอรีพอประมาณ ถ้ากินเกินวันละ 2 ลูกก็ให้พลังงานเกือบ 300 กิโลแคลอรีแล้ว ฉะนั้นเลือกกินอาหารที่หลากหลาย เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารครบถ้วน และหมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ รวมทั้งควบคุมอาหารไปพร้อม ๆ กันจะดีกว่า



*** หมายเหตุ : อัปเดตข้อมูลล่าสุดเมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 15 มกราคม 2561


ขอขอบคุณข้อมูลจาก

กองโภชนาการ กรมอนามัย
โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ
มูลนิธิโรคหัวใจแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมถ์
เฟซบุ๊ก ชัวร์ก่อนแชร์

Amwish live chat
Uploading...