1. หลีกเลี่ยงแสงแดดในช่วงเวลา 10 โมงเช้าถึงตอน 15.00 น. เพราะเป็นช่วงที่แดดจัดที่สุด และควรทราบด้วยว่ารังสี UV ที่สะท้อนจากพื้นผิวทราย, น้ำ, ทางเดินเท้า, ผนังซีเมนต์และหิมะ จะมีปริมาณที่มากกว่าการได้รับจากแสงแดดโดยตรงถึง 2 เท่า เลยทีเดียว
2. เสื้อผ้า ควรเลือกใส่เสื้อผ้าแขนยาว เนื้อแน่น สีเข้ม หนา จะป้องกันแสงทุกประเภทได้ประมาณ 90% รวมถึงหมวก ควรเลือกหมวกปีกกว้าง เนื้อหนา สีเข้ม และแว่นตากันแดดเพื่อปกป้องดวงตา ก็เป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันแสงแดดเมื่อต้องเผชิญแสงแดดรุนแรง
3. อุปกรณ์ที่สำคัญคือ ร่ม เนื้อผ้าของร่มส่วนใหญ่จะกันแสงแดดได้ดีประมาณ 80-90% ซึ่งประสิทธิภาพในการป้องกันแดดของร่มขึ้นอยู่กับตำแหน่งของดวงอาทิตย์ และระยะห่างของร่มจากผู้ใช้ ถ้าร่มและตำแหน่งของดวงอาทิตย์ อยู่เหนือศีรษะพอดีก็จะป้องกันได้ดีที่สุด แต่โลกมีการเคลื่อนที่ ดวงอาทิตย์จึงจะไม่อยู่ตำแหน่งเดิมตลอดเวลา เพราะฉะนั้นร่มจึงมีประสิทธิภาพในการป้องกันประมาณ 70-80%
4. ทาครีมกันแดดให้พอเหมาะอย่างสม่ำเสมอ เนื่องจากผิวของมนุษย์ไม่เรียบ มีรอยหยักตื้นเป็นคลื่น ถ้าเราทาเพียงชั้นเดียวก็จะเหลือบริเวณที่ครีมกันแดดครอบคลุมไม่ถึง เพราะฉะนั้นจึงควรต้องทาครีมกันแดดบางๆ ทับกัน 2 รอบ และทาครีมกันแดดเฉพาะผิวหนังที่ไม่สามารถปกปิดได้ด้วยเสื้อผ้า เช่น ใบหน้า คอ หรือ หลังมือ เป็นต้น เพื่อลดความสิ้นเปลือง
5. เลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPFอย่างเหมาะสม เช่นทาครีมกันแดดอย่างน้อยที่สุดควรมีค่า SPF 15 ขึ้นไป ถึงจะเป็นวันที่มีเมฆครึ้มก็ตาม แต่สำหรับวันที่ต้องออกไปเผชิญกับแสงแดดที่รุนแรง อาจจะพิจารณาเลือกใช้ครีมกันแดดที่มีค่า SPF 30-50 ขึ้นไป และอย่าลืมเลือกชนิดที่ระบุว่า PA+++ ด้วยนะคะ
6. ทาครีมกันแดดแม้อยู่ในร่ม เพราะรังสี UV นั้นสามารถสะท้อนเข้ามาในร่มได้ จึงไม่ใช่ว่าคุณจะปลอดภัย 100% อย่างที่เห็นว่าแสงแดดจะไม่ถูกต้องตัวคุณ เพราะฉะนั้นการทาครีมกันแดดป้องกันไว้จะปลอดภัยที่สุด แม้ว่าคุณจะอยู่ในบ้าน หรือทำงานในตึกก็ตาม
7. ทาครีมกันแดดซ้ำ ควรทาครีมกันแดดก่อนออกจากบ้านอย่างน้อย 15 นาที และควรทาซ้ำบ่อยๆ ทุก 2-3 ชม. โดยเฉพาะตอนออกกำลังกาย ว่ายน้ำ หรือทำงานกลางแดดจัด
8. เลือกทานอาหารและผักผลไม้ที่มีวิตามินC รวมถึงผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีประโยชน์ ช่วยให้ผิวไม่แพ้ง่าย มีส่วนปกป้องผิวจากแสงแดด โดยการทานอย่างต่อเนื่อง
9. ปกป้องริมฝีปากด้วยลิบบาล์ม (Lip balm) ที่มีค่า SPF และควรทาซ้ำอยู่บ่อยๆ เพราะริมฝีปาก เป็นส่วนที่ต้องกระทบกับแสงแดดโดยตรง โดยที่ไม่มีอะไรปกติ รวมถึงเป็นเนื้อส่วนที่บอบบางทำให้ไวต่อการถูกทำร้ายของแสงแดดด้วย ใครที่ไม่อยากมีปัญหาริมฝีปากดำคล้ำ และแห้งเกรอะ อย่าลืมทาลิบบาล์ม (Lip balm) ที่มีค่า SPF เป็นประจำด้วยนะคะ
10. ในเด็กเล็กตั้งแต่ 6 เดือนขึ้นไป ก็ควรเริ่มทาครีมกันแดดป้องกันไว้จะดีที่สุด เพราะผิวหนังจะยังเติบโตไม่เต็มที่ ยังละเอียดบอบบาง แต่ในขณะเดียวกันก็แห้งง่ายเพราะมีปริมาณน้ำและไขมันน้อยกว่าผู้ใหญ่ จึงถูกทำร้ายจากแสงแดดได้ง่าย ฉะนั้นควรดูแลเด็กเล็กเรื่องการป้องกันแสงแดด ด้วยครีมกันแดดสูตรเฉพาะของเด็กด้วยนะคะ
แม้ว่าแสงแดด จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพผิวมากมาย แต่ถ้าหากว่าเรารู้จักการป้องกันตนจากแสงแดดอย่างถูกวิธี ปัญหาผิวจากแสงแดดก็จะน้อยลง ดังนั้นอย่าลืมทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF อย่างเหมาะสมเป็นประจำในทุกๆ วันด้วยนะคะ